วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2551

ข้าวโพดต้ม จองดีกว่าที่คิด

ข้าวโพดต้ม ของดีกว่าที่คิด
เราเคยเชื่อกันว่า ผักผลไม้ดิบ สดจากธรรมชาติ จะมีคุณค่าทางอาหารสูงกว่าที่เอามาหุงต้ม และหลายคนเข้าใจว่า การต้มข้าวโพดต้องต้มเร็วๆ พอสุก ไม่ต้มนานๆ แต่นักวิจัยที่มหาวิทยาลัยคอร์เนล ทำให้ความเชื่อนั้นเริ่มสั่นคลอน เมื่อรายงานว่า การกินข้าวโพดต้มสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจและมะเร็งได้ นักวิจัยพบว่า การต้มทำให้ข้าวโพดปล่อยสารแอนตี้ออกซิแดนท์ออกมาหลายตัว และที่สำคัญตัวหนึ่งที่ชื่อว่า กรดเฟอรูลิก (Ferulic acid)

กรดเฟอรูลิกสำคัญอย่างไร
กรดเฟอรูลิกเป็นกรดอินทรีย์ เป็นสารสำคัญที่เป็นตัวช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายมีประสิทธิภาพ กรดเฟอรูลิกเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงถูกใช้สำหรับต่อต้านการแก่ (aging) ป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง โรคหัวใจ ไข้หวัด รักษาสุขภาพของกล้ามเนื้อ ต่อต้านผลกระทบจากรังสีอัลตราไวโอเลต (จึงป้องกันมะเร็งผิวหนังได้)

กรดเฟอรูลิก เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ที่มีประสิทธิภาพสูงมากในเนื้อเยื่อของคนเวลาที่คนเราออกกำลังร่างกาย โดยเฉพาะการออกกำลังชนิดแอโรบิก ซึ่งมีการใช้ออกซิเจนมากในร่างกาย นั่นคือ เกิดออกซิไดส์(Oxidize) หรือเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน (Oxidation)

ในร่างกายคน คำว่า ออกซิไดส์ หรือ ออกซิเดชัน หมายถึง ปฏิกิริยาจากออกซิเจน นั่นเอง การออกซิไดส์ในร่างกาย ถ้าจะเปรียบให้เข้าใจง่ายๆ ก็ทำนองเดียวกับการเกิดสนิมเหล็กที่ตัวถัง รถยนต์นั่นเอง การเกิดสนิมเป็นปฏิกิริยาออกซิไดส์ที่เหล็กสัมผัสกับออกซิเจนและความชื้นในอากาศ และกลายเป็นสนิม และในที่สุด รถก็จะผุพังไป ร่างกายคนเราก็เช่นเดียวกัน มีการออกซิไดส์เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ยิ่งมีการใช้ออกซิเจนมาก ยิ่งมีการออกซิไดส์มาก

ปกติธาตุออกซิเจนเป็นธาตุที่ขาดไม่ได้สำหรับชีวิต แม้กระนั้น ก็ตามออกซิเจนในบางรูปก็อาจเป็นอันตรายได้ โมเลกุลของออกซิเจนปกติ (ออกซิเจนดี) จะมีอิเล็กตรอนอยู่กันเป็นคู่ ทำให้เป็นโมเลกุลของออกซิเจนที่คงตัว แต่ถ้าออกซิเจนมีการสูญเสียอิเล็กตรอน ทำให้อิเล็กตรอนขาดคู่ จะไม่คงตัว เรียกว่า อนุมูลอิสระ (ออกซิเจนตัวร้าย) ที่เรียกว่าเป็นตัวร้ายเพราะมันไม่เสถียร จึงเคลื่อนที่พล่านไปเพื่อหาอิเล็กตรอน และฉกเอาอิเล็กตรอนจากเซลล์อื่นๆ และเข้าไปเกาะอยู่กับเซลล์ ก็ทำให้โมเลกุลในเซลล์นั้นกลายเป็นอนุมูลอิสระที่มีออกซิเจนเป็นแกน ถ้ามีมากจะทำลายเซลล์ในเนื้อเยื่อ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า กระบวนการนี้คือ กระบวนการแก่ (Aging process) ของคนนั่นเอง

เวลาที่คนเราออกกำลังกาย ถ้าอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้น ไม่ได้ถูกกำจัดออก จะก่อให้เกิดความผิดปกติของกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อล้า ไม่สามารถเล่นต่อไปได้ ปวดกล้ามเนื้อ และกล้ามเนื้ออักเสบได้ กรดเฟอรูลิกในร่างกายจะทำหน้าที่กำจัดออกซิเจนตัวร้ายทันที ที่เกิดขึ้น โดยการจัดส่งอิเล็กตรอนให้ทันที จึงไม่สามารถไปฉกเอาอิเล็กตรอนจากเซลล์ของเนื้อเยื่อ อาการผิดปกติต่างๆ จึงไม่เกิดขึ้น

ดังนั้น การออกกำลังกายก็ต้องมีข้อควรระวังด้วย ไม่ใช่ออกกำลังกายอย่างเดียว แต่ต้องเตรียมสุขภาพและกินอาหารที่ดีด้วย คนที่มีสุขภาพไม่ได้ ขาดสารอาหารหรืออ่อนแอ ควรออกกำลังได้ตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น และต้องมีการเตรียมตัวในด้านอาหารและโภชนาการด้วย

นักวิจัยพบว่า ถ้าต้มข้าวโพดยิ่งนาน ปริมาณของสารแอนตี้ ออกซิแดนท์จะถูกปล่อยออกมามากขึ้น ถ้าต้มข้าวโพดที่ 115 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 10 นาที ปริมาณของสารแอนตี้ออกซิแดนท์จะเพิ่มขึ้น 21% ถ้าต้ม 25 นาที จะได้สารแอนตี้ออกซิแดนท์เพิ่มขึ้น 44% และถ้าต้ม 50 นาที จะได้เพิ่มถึง 53% แต่เมื่อวัดปริมาณเฉพาะกรดเฟอรูลิกที่ถูกปล่อยออกมาพบว่า กรดนี้มีปริมาณเพิ่มขึ้นถึง 240% (เมื่อต้ม 10 นาที), 550% (เมื่อต้ม 25 นาที) และ 900% (เมื่อต้ม 50 นาที) คนจำนวนมาก ชอบกินข้าวโพดหวานดิบ เพราะเชื่อว่ามีสารอาหารครบถ้วนสมบูรณ์ดี หลายตนชอบต้มเพียงพอสุก เพราะเกรงความหวานจะหายไป ผลงานวิจัยนี้เสนอแนะให้ทราบว่า ข้าวโพดต้มมีคุณค่าทางอาหารสูงมาก ในแง่ของการให้สารแอนตี้ออกซิแดนซ์ แม้ว่าวิตามินบางตัว เช่น วิตามินซี จะหายไปบ้าง อย่างไรก็ตามข้าวโพดก็ไม่ใช่แหล่งที่ดีสำหรับวิตามินซีอยู่แล้ว

วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2551

วิถีถนอมผิว/บำรุงเส้นผมและหนังศรีษะ

วิธีถนอมผิว / บำรุงเส้นผมและหนังศรีษะ ด้วย Virgin Coconut Oilข้อความ : .....Virgin Coconut Oil

กำลังได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าสามารถช่วย รักษาและถนอมผิวหนัง เส้นผม และหนังศรีษะได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นเรามาทำความรู้จักประโยชน์ของ น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น บริสุทธิ์ 100% กันเถอะ nipabhan@yahoo.com

"น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์" คือส่วนผสมสำคัญในเครื่องสำอางหลายชนิดที่คุณผู้หญิงแทบทุกคนใช้กันอยู่...ไม่ว่าจะเป็นครีมกันแดด หรือครีมประทินผิวอีกนานาชนิด นอกจากนี้ยังเป็นส่วนประกอบในยารักษาโรคบางชนิดด้วย

น้ำมันมะพร้าวจึงเป็นสินค้าที่แพงเอาการ ราคากิโลละหลายร้อยบาท...โดยเฉพาะหากเป็นน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศอย่างในแถบฮาวายหรือฟิลิปปินส์ ราคาก็จะยิ่งแพงขึ้นไปอีก

สำหรับขั้นตอนในการสกัดน้ำมันมะพร้าวนั้นจะใช้การ "สกัดร้อน" ซึ่งมีข้อเสียคือมีสารที่เป็นประโยชน์บางตัวต้องถูกทำลายไป รวมทั้งยังมีมลภาวะทางกลิ่นตามมา...

กระบวนการผลิตน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ (Extract Virgin Coconut Oil) ด้วยวิธีการสกัดเย็นโดยใช้มะพร้าวสดในรูปของน้ำกะทิเป็นวัตถุดิบหลัก ซึ่งมีการผลิตที่อาศัยกระบวนการทางกลศาสตร์และใช้เทคนิคควบคุมอุณหภูมิเพื่อแยกน้ำมันมะพร้าวออกจากน้ำกะทิ ทำให้ได้น้ำมันมะพร้าวที่มีคุณภาพดี มีลักษณะใส ไม่มีสี มีกลิ่นหอมของมะพร้าวตามธรรมชาติ มีกรดไขมันอิสระน้อยกว่า 0.1% และมีส่วนประกอบกรดไขมันในอัตราส่วนที่ดีกว่าการสกัดร้อน

"การสกัดในบ้านเราส่วนใหญ่ใช้วิธีการสกัดร้อน ซึ่งการสกัดร้อนจะได้น้ำมันมะพร้าวดิบที่สกปรก และต้องเอามาฟอกใหม่โดยใช้สารเคมี อีกวิธีคือการเอากะทิไปหมัก แล้วแยกเอาไขออกมา ซึ่งถ้าทิ้งไว้นานๆ จะเกิดแบคทีเรียและมีกลิ่น เราเลยหาวิธีสกัดแบบใหม่ ว่าทำยังไง ก็พบว่าใช้การสกัดเย็น ไม่ใช้ความร้อนเลย

วิธีการคือนำกะทิมาผ่านเข้าเครื่อง แล้วกวนโดนใช้ความเย็นจนออกมาเป็นน้ำมัน แล้วนำไปผ่านเครื่องกรองให้ออกมาใส เอาส่วนที่เป็นเค้กออก เอาเฉพาะส่วนที่เป็นน้ำมันที่เรียกว่า Extra Virgin Oil แล้วนำไปผ่านกระบวนการดูดกลิ่นกับความชื้นออก ก็จบกระบวนการ

" สำหรับความแตกต่างของการสกัดแบบร้อนและเย็นนั้น เขาบอกว่าการสกัดเย็นนั้น น้ำมันที่ได้จะสะอาดบริสุทธิ์ และไม่ต้องนำไปกลั่น สารบางชนิดที่มีประโยชน์จะยังคงอยู่ นอกจากนี้ยังไม่มีมลภาวะหรือของเสียเกิดขึ้น ส่วนการสกัดร้อนนั้นจะทำให้เกิดกลิ่น

Premium Virgin coconut oil มีกรด Lauric acid ซึ่งเป็นกรดไขมันที่ใกล้เคียงกับน้ำหล่อเลี้ยงผิวมนุษย์ ทุกหยดใสของน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์มีประโยชน์ต่อร่างก่าย มีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ตามหลักอายุรเวชใช้นวดเพื่อคลายกล้ามเนื้อและช่วยให้พังผืดอ่อนตัวแก้ไขข้อยึดติดได้ และสมานกระดูก และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยคืนความชุ่มชื่นแก่ผิวพร้อมปกป้องผิวจากแสงแดด ใช้นวดตัวเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ พร้อมปรับสภาพผิวให้นุ่มชุ่มชื่น, ทาผิวหน้าและผิวกายหลังอาบน้ำเพื่อช่วยคงความอ่อนเยาว์ของผิว, ใช้เป็นรองพื้นก่อนแต่งหน้าช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย ป้องกันรอยหมองคล้ำ (ใช้ได้ทุกวันทุกเวลาเพื่อผิวพรรณที่ผุดผ่องสดใส เปล่งปลั่ง) ใช้ทาผิวเพื่อปรับสภาพผิวที่ถูกเผาไหม้จากแสงแดด และใช้ทาผิวเมื่อเกิดอาการแพ้หรือเกิดผดผื่นคันที่ผิวหนัง ใช้เช็ดหน้าเพื่อทำความสะอาดเครื่องสำอางบนใบหน้า ด้วยสูตรน้ำมันบางเบาไม่ทำให้เหนียวเหนอะหนะไม่ระคายเคืองแม้แต่ผิวที่บอบบางแพ้ง่าย ใช้ทาหน้าท้องช่วงตั้งครรภ์ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื่นไม่แห้งแตกจากการขยายตัวของผิวหน้าท้อง

หรือใช้ลูบไล้เส้นผมให้เงางามนุ่มสลวยช่วยถนอมหนังศีรษะป้องกันรังแค ใช้หมักผมก่อนสระ (หมักทิ้งไว้ 30นาที ถึง 1 ชั่วโมง) เพื่อลดการหลุดร่วงของเส้นผม และกระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผม ช่วยบำรุงรากผมให้แข็งแรงไม่หงอกก่อนวัย และปรับสภาพเส้นผมที่แห้งเสียแตกปลายขาดเปราะง่ายให้มีน้ำหนัก ให้มีความยืดหยุ่นนุ่มลื่นเป็นเงางาม

วิธีการเก็บรักษาน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ 100%: น้ำมันมะพร้าวจะเป็นไขที่อุณหภูมิต่ำกว่า 250 C และจะกลับมาใสเหมือนเดิมที่อุณหภูมิห้อง โดยที่คุณสมบัติทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เก็บไว้ได้นานในอุณหภูมิปกติโดยไม่มีกลิ่นหืน ไม่ต้องเก็บในตู้เย็น อย่าให้โดนแสงแดด หรือความร้อนมาก (หากน้ำมันมะพร้าวเป็นไขให้น้ำขวดน้ำมันมะพร้าวไปแช่ในน้ำอุ่นประมาณ 5 นาที น้ำมันมะพร้าวจะกลับมาใสเหมือนเดิม)

วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2551

ความรู้เรื่องโลหิต

ความรู้เรื่องโลหิต

ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับโลหิต
โลหิตเป็นอวัยวะชนิดหนึ่ง เป็นของเหลวสีแดงที่ไหลเวียนอยู่ภายในหลอดโลหิตทั่วร่างกาย โดยมีหัวใจทำหน้าที่สูบฉีดโลหิต อวัยวะสำคัญของร่างกายที่ทำหน้าที่สร้างเม็ดโลหิต ได้แก่ ไขกระดูก เช่น กระดูกหน้าอก กระดูกแขน กระดูกซี่โครง กระดูกเชิงกราน กระดูกไขสันหลัง เป็นต้น ในร่างกายมนุษย์ (ผู้ใหญ่) จะมีโลหิตประมาณ 4,000 - 5,000 ซี.ซี. หรือ ปริมาณตามน้ำหนักของแต่ละคน คิดโดยประมาณคือ 80 ซี.ซี. ต่อน้ำหนัก 1 กิดลกรัม
เม็ดโลหิตที่สร้างจากไขกระดูก มี 3 ชนิด คือ
1. เม็ดโลหิตแดง
2. เม็ดโลหิตขาว
3. เกร็ดโลหิต

โลหิตแบ่งได้ 2 ส่วน คือ
1. ส่วนของเม็ดโลหิต
2. ส่วนพลาสม่า (Plasma)1. ส่วนของเม็ดโลหิต มีประมาณ 45 เปอร์เซนต์ ของโลหิตทั้งหมด
เม็ดโลหิตแดง มีหน้าที่ในการลำเลียงอ๊อกซิเจนไปให้เซลส์อวัยวะต่าง ๆ ใช้สันดาบ อาหารเป็นพลังงาน อายุการทำงานของเม็ดโลหิตแดง ประมาณ 120 วัน
เม็ดโลหิตขาว มีหน้าที่ป้องกันและทำลายสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย
เกร็ดโลหิต มีหน้าที่ช่วยทำให้โลหิตแข็งตัว ตรงจุดที่มีการฉีดขาดของหลอดโลหิต2. พลาสม่า (Plasma) เป็นส่วนของเหลวของโลหิตที่ทำให้เม็ดโลหิตลอยตัว มีลักษณะเป็นน้ำเหลืองมีอยู่ประมาณ 55 เปอร์เซนต์ ของโลหิตทั้งหมดในร่างกาย
หน้าที่ของพลาสม่า
- ควบคุมความดัน และปริมาตรของโลหิต
- ป้องกันเลือดออก
- เป็นภูมิคุ้มกันโรคติดต่อที่จะเข้าสู่ร่างกาย
ส่วนพลาสม่าประกอบด้วย
1. ส่วนน้ำ ประมาณ 92 เปอร์เซนต์
2. ส่วนโปรตีน มีประมาณ 8 เปอร์เซนต์ โปรตีนส่วนนี้จะมีความสำคัญคือ
2.1 แอลบูมิน มีหน้าที่รักษาความสมดุลของน้ำในหลอดเลือด และเนื้อเยื่อ
2.2 อินมูโนโกลบูลิน มีหน้าที่เป็นภูมิคุ้มกันโรคติดต่อต่าง ๆ ที่จะเข้าสู่ร่างกาย

ประเภทของโลหิต โลหิตของมนุษย์สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ดังนี้
1. หมู่โลหิตระบบ ABO
2. หมู่โลหิตระบบ Rh1. หมู่โลหิตระบบ ABO
หมู่โลหิตเริ่มค้นพบใน คศ. 1900 โดย Karl Landsteiner พบหมู่โลหิต A, B, และ O ส่วนหมู่โลหิต AB พบโดย Von Decastello และ Sturli ในปี คศ. 1902
สถิติหมู่โลหิต ABO ของคนไทย มีดังนี้
หมู่โลหิต A 21.1 %
หมู่โลหิต B 34.0 %
หมู่โลหิต O 37.6 %
หมู่โลหิต AB 7.3 %

มารยาทในการฟัง

ความหมายของการฟัง
การฟัง หมายถึงการรับสาร หรือเสียงที่ได้ยินทางหู การฟังอย่างมีจุดมุ่งหมาย มีมารยาทและรู้จักพินิจพิเคราะห์เนื้อหาของสาร ที่รับว่ามีข้อเท็จจริง อย่างไร รู้จักจับใจความสำคัญ ใจความย่อย สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ผู้รับสาร ได้ประโยชน์จากการฟังอย่างเต็มที่

การฟังต้องมีจุดมุ่งหมาย
ในการฟังเรื่องใด ๆ ก็ตาม ผู้ฟังควรตั้งจุดมุ่งหมาย ในการฟัง ซึ่งมีจุดมุ่งหมายหลัก 3 ประการ คือ
1) ฟังเพื่อความรู้ ได้แก่ การฟังเรื่องราวที่เป็นวิชาการ ข่าวสารและข้อแนะนำต่าง ๆ การฟังเพื่อความรู้ จำเป็นต้องฟังให้เข้าใจและจดจำสาระสำคัญให้ได้
2) ฟังเพื่อความเพลิดเพลิน คือ การฟังเรื่องราวที่สนุกสนานเพลิดเพลิน ทำให้ผ่อนคลายความตึงเครียดจากภารกิจการงานและสิ่งแวดล้อม
3) ฟังเพื่อให้ได้รับคติหรือความจรรโลงใจ คือ การฟังเรื่องที่ทำให้เกิดแนวคิด และสติปัญญา เกิดวิจารณญาณ ขัดเกลาจิตใจให้มีคุณธรรม การฟังประเภทนี้ต้องรู้จักเลือกฟัง และเลือกเชื่อในสิ่งที่ถูกที่ควรซึ่งจะช่วยให้ผู้ฟัง มีคติในการดำเนินชีวิตไปในทางดีงาม และรู้จักสร้างสรรค์ประโยชน์เพื่อสังคม
การฟังทั้ง 3 ประการ อาจรับฟังได้จากสื่อต่าง ๆ เช่น
วิทยุ โทรทัศน์ การประชุม ปาฐกถา ฯลฯ นอกจากนี้การฟังในแต่ละครั้ง ผู้ฟังอาจได้รับประโยชน์ทั้ง 3 ด้าน หรือด้านใด ด้านหนึ่ง เฉพาะด้านซึ่งเป็นการฟังเพื่อประโยชน์ของตนเอง
มารยาทในการฟัง
ผู้มีมารยาท ในการฟังควรปฏิบัติตน ดังนี้
1. เมื่อฟังอยู่เฉพาะหน้าผู้ใหญ่ ควรฟังโดยสำรวมกิริยามารยาท ฟังด้วยความสุภาพเรียบร้อย และตั้งใจฟัง
2. การฟังในที่ประชุม ควรเข้าไปนั่งก่อนผู้พูดเริ่มพูด โดยนั่งที่ด้านหน้าให้เต็มก่อนและควรตั้งใจฟังจนจบเรื่อง
3. จดบันทึกข้อความที่สนใจหรือข้อความที่สำคัญ หากมีข้อสงสัยเก็บไว้ถามเมื่อมีโอกาสและถามด้วยกิริยาสุภาพ เมื่อจะซักถามต้องเลือกโอกาสที่ผู้พูดเปิดโอกาสให้ถาม หรือยกมือขึ้นขออนุญาตหรือแสดงความประสงค์ในการซักถาม ถามด้วยถ้อยคำสุภาพ และไม่ถามนอกเรื่อง
4. มองสบตาผู้พูด ไม่มองออกนอกห้องหรือมองไปที่อื่น อันเป็นการแสดงว่าไม่สนใจเรื่องที่พูด และไม่เอาหนังสือไปอ่านขณะที่ฟัง หรือนำอาหารเครื่องดื่มเข้าไปรับประทานระหว่างฟัง
5. ฟังด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเป็นกันเองกับผู้พูด แสดงสีหน้าพอใจในการพูด ไม่มีแสดงกิริยาก้าวร้าว เบื่อหน่าย หรือลุกออกจากที่นั่งโดยไม่จำเป็นขณะฟัง
6. ฟังด้วยความสุขุม ไม่ควรก่อความรำคาญให้บุคคลอื่น ควรรักษามารยาทและสำรวมกิริยา ไม่หัวเราะเสียงดังหรือกระทืบเท้าแสดงความพอใจหรือเป่าปาก
7. ฟังด้วยความอดทนแม้จะมีความคิดเห็นขัดแย้งกับผู้พูดก็ควรมีใจกว้างรับฟังอย่างสงบ
8. ไม่พูดสอดแทรกขณะที่ฟัง ควรฟังเรื่องให้จบก่อนแล้วค่อยซักถามหรือแสดงความคิดเห็น
9. ควรให้เกียรติ
วิทยากรด้วยการปรบมือ เมื่อมีการแนะนำตัวผู้พูด ภายหลังการแนะนำ และเมื่อวิทยากร พูด จบ

วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2551

เหตการณ์ปัจจุบันที่มีผลกระทบ

เหตการณ์ปัจจุบันที่มีผลกระทบต่อประชารภายในประเทศ



"สมศักดิ์" ขึ้นเวทีปลุกผู้ชุมนุมเตรียมความพร้อมรับมือตร.เอารถมาล้อมทำเนียบและมัฆวานทุกด้านอีกครั้งเช้าวันนี้ หลังพันธมิตรฯแสดงจุดยืนไม่เจรจา ปักหลักชุมนุมต่อจนกว่า"หมัก"จะลาออก วันนี้(3 ก.ย.) เมื่อเวลา 08.50 นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีกล่าวเตือนผู้ชุมนุมว่า ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ล้อมทำเนียบ และมัฆวาน ไว้ทุกด้านแล้ว ขอให้ทุกคนเตรียมตัว อย่าตกใจ เราอย่าประมาท ขอให้การด์เตรียมพร้อมป้องกันทุกประตู เพราะเขารู้ว่าเราไม่เจรจา ถ้าเราเจรจากับสมัคร เราเอาข้าวให้หมาขี้เรื้อนกินดีกว่า ได้บุญกว่าเยอะ คุยกับสมัครเสียเวลา ไม่มีประโยชน์ เพราะสมัครเป็นคนบ้า ถ้าเราเป็นคนบ้าเหมือนสมัคร ก็พูดรู้เรื่อง พูดภาษาเดียวกับสมัคร แต่เราปล่อยให้มันบ้าคนเดียวดีกว่า ตอนนี้สมัครเข้าขั้นสุดท้ายแล้ว ดังนั้นขอให้ประชาชนออกจากบ้านมาช่วยกันมากๆ ในตอนท้าย นายสมศักดิ์ ขอให้พนักงานรัฐวิสาหกิจ ที่ได้ตกลงกันไว้แล้ว ดำเนินการได้เลยไม่ต้องรอ หากผู้บริหารที่นั่งในกระทรวงไม่มีน้ำดื่ม ไม่มีน้ำประปาใช้ ไม่มีแอร์ จะอยู่ยังไง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 2 หน่วยงานที่จะโดนตัดน้ำตัดไฟเป็นที่แรก คือ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ



"สมศักดิ์" ขึ้นเวทีปลุกผู้ชุมนุมเตรียมความพร้อมรับมือตร.เอารถมาล้อมทำเนียบและมัฆวานทุกด้านอีกครั้งเช้าวันนี้ หลังพันธมิตรฯแสดงจุดยืนไม่เจรจา ปักหลักชุมนุมต่อจนกว่า"หมัก"จะลาออก วันนี้(3 ก.ย.) เมื่อเวลา 08.50 นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีกล่าวเตือนผู้ชุมนุมว่า ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ล้อมทำเนียบ และมัฆวาน ไว้ทุกด้านแล้ว ขอให้ทุกคนเตรียมตัว อย่าตกใจ เราอย่าประมาท ขอให้การด์เตรียมพร้อมป้องกันทุกประตู เพราะเขารู้ว่าเราไม่เจรจา ถ้าเราเจรจากับสมัคร เราเอาข้าวให้หมาขี้เรื้อนกินดีกว่า ได้บุญกว่าเยอะ คุยกับสมัครเสียเวลา ไม่มีประโยชน์ เพราะสมัครเป็นคนบ้า ถ้าเราเป็นคนบ้าเหมือนสมัคร ก็พูดรู้เรื่อง พูดภาษาเดียวกับสมัคร แต่เราปล่อยให้มันบ้าคนเดียวดีกว่า ตอนนี้สมัครเข้าขั้นสุดท้ายแล้ว ดังนั้นขอให้ประชาชนออกจากบ้านมาช่วยกันมากๆ ในตอนท้าย นายสมศักดิ์ ขอให้พนักงานรัฐวิสาหกิจ ที่ได้ตกลงกันไว้แล้ว ดำเนินการได้เลยไม่ต้องรอ หากผู้บริหารที่นั่งในกระทรวงไม่มีน้ำดื่ม ไม่มีน้ำประปาใช้ ไม่มีแอร์ จะอยู่ยังไง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 2 หน่วยงานที่จะโดนตัดน้ำตัดไฟเป็นที่แรก คือ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

การเลี้ยงสัตว์

การเลี้ยงสัตว์

การเลี้ยงสัตว์ภายในที่ดินแปลงจัดสรร สมาชิกจะต้องปฎิบัติภายใต้กฎหมายอื่นที่บัญญัติไว้ โดยต้องดูแลให้เรียบร้อย ไม่รบกวนความสงบเรียบร้อยหรือก่อเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือเป็นอันตรายแก่สมาชิกอื่นๆ และในกรณีที่จะนำออกจากที่ดินแปลงจัดสรร สมาชิกหรือบริวารของสมาชิกจะต้องดูแลให้เรียบร้อยและควบคุมได้ตลอดเวลา โดยใส่สายลากจูง และปฏิบัติดังนี้หากสุนัขจากบ้านใดออกมาในที่สาธารณะ ไล่กัดคนอื่นหรือสัตว์เลี้ยงอื่นจะด้วยความประมาทของผู้ดูแลหรือไม่ก็ตาม เจ้าของสัตว์เลี้ยงจะต้องชดใช้ค่าเสียหายและค่าพยาบาลเต็มจำนวน

หากสุนัขจากบ้านใดออกมาในที่สาธารณะ และหลุดออกจากการดูแลอย่างใกล้ชิด หรือจากสายที่ลากจูงไว้ จะด้วยความประมาทของผู้ดูแลหรือไม่ก็ตาม และสร้างความเดือดร้อนและหวาดกลัวแก่ผู้อื่น เช่น พยายามกัด หรือเห่า จนผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนแจ้งให้ผู้จัดการ หรือคณะกรรมการนิติบุคคลฯ ทราบเป็นลายลักษณ์อักษร ให้ทางผู้จัดการ หรือคณะกรรมการนิติบุคคลฯ เป็นผู้มีอำนาจกำหนดบทลงโทษ หากผู้จัดการ หรือคณะกรรมการนิติบุคคลฯ หรือสมาชิก เห็นเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงตัวให้สามารถดำเนินการป้องกันภยันตรายใกล้จะถึงตัวนั้นตามสมควรแก่เหตุนั้นได้ และให้ถือว่าไม่เป็นการทำร้าย หรือทารุณสัตว์นั้นๆ หรือให้ดำเนินการ ตามกฎหมายอื่นที่ใช้บังคับในขณะนั้น

หากสุนัขจากบ้านใดออกมาในที่สาธารณะ โดยไม่มีผู้ดูแลอย่างใกล้ชิดพร้อมสายลากจูงลากไว้ จะถูกเจ้าหน้าที่นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร จับมากักขังไว้ และให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงมารับกลับไปได้ ทั้งนี้คณะกรรมการนิติบุคคลฯ เป็นผู้กำหนดบทลงโทษ และหากไม่มีผู้ใดมารับสุนัขคืนภายใน 3 วัน จะจัดส่งสุนัขให้เทศบาล หรือส่งสถานที่เหมาะสมต่อไป พร้อมทั้งเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากการจัดส่งนั้นด้วย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ นิติบุคคลฯ จะไม่รับผิดชอบต่อสุขภาพของสุนัขในระหว่างการควบคุมแต่อย่างใด หากสุนัขหรือแมวจากบ้านใดออกมาในที่สาธารณะโดยไม่มีผู้จูงไว้ เกิดประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บ หรือเกิดอันตรายแก่ชีวิต เจ้าของสัตว์เลี้ยงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ ทั้งสิ้น และหากอุบัติเหตุนั้นทำให้ผู้ประสบเหตุเกิดความเสียหายตามมา และผู้ประสบเหตุได้รับความเดือดร้อน และแจ้งคณะกรรมการนิติบุคคลฯ ทราบเป็นลายลักษณ์อักษร โดยให้ทางคณะกรรมการนิติบุคคลฯ เป็นผู้มีอำนาจกำหนดบทลงโทษเจ้าของสัตว์เลี้ยง ห้ามมิให้นำสุนัขหรือแมวออกมาถ่ายอุจาระในบริเวณพื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งรวมถึง ถนน ทางเท้า พุ่มไม้ สวนหย่อม สนามหญ้าและบริเวณบ้านข้างเคียง หากหลุดออกมาจะด้วยความประมาทเลินเล่อหรือไม่ก็ตาม ผู้ดูแลจะต้องจัดการเก็บกวาดให้เรียบร้อยในทันที หากได้รับการร้องเรียนจากสมาชิก หรือพนักงานรักษาความปลอดภัย ให้ทางคณะกรรมการนิติบุคคลฯเป็นผู้มีอำนาจกำหนดบทลงโทษเจ้าของสัตว์เลี้ยง

การผลิตไฟฟ้าจากขยะ

การผลิตไฟฟ้าจากขยะ


ทุกๆปีชาวอเมริกันทิ้งขยะรวมกันเป็นน้ำหนักถึง 250 ตัน นครนิวยอร์กแห่งเดียวทำให้เกิดขยะถึง10ล้านตัน/ปี มีผู้ประเมินว่าปริมาณขยะของสหรัฐสามารถให้พลังงานได้เท่ากับถ่านหิน 100 ล้านตัน แต่ขยะส่วนมากถูกฝังและไม่ได้ใช้ทำประโยชน์
ในปริมาณขยะจากบ้านทุกหลังในโลกประกอบด้วยกระดาษถึง ½ ขยะในครัว ¼ พลาสติกไม่ถึง 1/10 และมีขยะที่ไม่ติดไฟอยู่1/5 ขยะส่วนมากนำมาแปรรูปใช้ประโยชน์ใหม่ได้

มีโรงงานเผาขยะเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าเกือบ 350 แห่ง ส่วนใหญ่อยู่ในยุโรปและญี่ปุ่น โรงเผาขยะขนาดใหญ่ที่เอ็ดมอนตันในลอนดอนซึ่งเปิดใช้งานเมื่อปี ค.ศ. 1974 นั้น เผาขยะได้ประมาณ 400000 ตัน/ปี ความร้อนจากการเปาขยะใช้ต้มน้ำให้เดือดเป็นไอเพื่อไปเดินเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ภายใน 10 ปี โรงงานแห่งนี้สามารถประหยัดถ่านหินได้ถึง 1 ล้านตัน โรงงานเผาขยะเช่นนี้ 6 โรงที่เมืองดุสเซลดอร์ฟในเยอรมนี สามารถผลิตไฟฟ้าที่ใช้ในระบบทำความร้อนทั่วทั้งเขต ส่วนที่พีกสคิลล์ในนิวยอร์ก มีโรงเผาขยะที่เผาได้ถึง 2250ตัน/วัน ซึ่งผลิตกระแสไฟฟ้าได้ถึง 60 เมกะวัตต์ เพียงพอบริการผู้ใช้ 70000 คน
โรงงานอุตสาหกรรมก็อาจใช้ขยะแทนถ่านหินหรือน้ำมันก็ได้ โดยต้องนำขยะมาผ่านกระบวนการที่เหมาะสมก่อน


กระบวนการขั้นแรกคือ การแยกขยะโดยป้อนขยะผ่านตะแกรงร่อนเพื่อนแยกกรองเอาสารอินทรีย์ชิ้นเล็กๆออกมา และนำไปทำปุ๋ยใส่ดินต่อไปในประเทศสวีเดนเขาจะนำ ¼ ของขยะแห้งมาทำเป็นปุ๋ยและนำไปผ่านกระบวนการแปรรูปเพื่อนำมาใช้ประโยชน์
ขั้นต่อไปคือนำขยะหนักซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโลหะไปแยกออกต่างหาก ขยะที่เหลือจะเป็นเศษกระดาษและเศษผ้าเป็นส่วนใหญ่ เอาส่วนนี้นำมาอัดเป็นเม็ดรูปทรงกระบอกเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิง


แม้แต่ขยะที่ฝังกลบอยู่ก็อาจใช้เป็นเชื้อเพลิงได้ ขณะที่ขยะเริ่มเน่าจะเกิดแก๊สมีเธนซึ่งเป็นสารชนิดเดัยวกับแก๊สธรรมชาติที่พบในโพรงใต้ผิวโลก ขยะแต่ละตันจะให้มีเทนได้มากกว่า 400 ลบ.ม. ถ้าปล่อยทิ้งแก๊สนี้ขึ้นมาสู่ผิวดินและลอยออกไป ซึ่งบางครั้งอาจทำให้เกิดระเบิดขึ้นแต่เราอาจหาทางเก็บแก๊สนี้ไว้โดยไม่ต้องลงทุนมากและนำไปใช้ให้ความร้อนหรือผลิตไฟฟ้าได้ขณะนี้มีโครงการเช่นนี้มากกว่า 140 โครงการใน 15 ประเทศ ซึ่งช่วยประหยัดถ่านหินไปได้มากกว่า 1ล้านตัน/ปี ตัวอย่างเช่นในอังกฤษมีการขุดยอดเนินดินที่ฝังขยะเพื่อนำแก๊สออกมาแล้วส่งตามท่อไปโรงงานทำอิฐเพื่อให้นำไปใช้แทนถ่านหิน
โรงงานอื่นๆที่นำแก๊สนี้มาใช้มักตั้งอยู่ที่แหล่งชยะและนำแก๊สมาใช้เป็นเชื้อเพลิงป้อนเครื่องจักรแบบง่ายๆ วิธีการนี้ทำให้สามารถใช้แก๊สได้ทั้งหมด ซึ่งดีกว่าการพยายามควบคุมปริมาณแก๊สที่ได้ให้มีพอเหมาะกับความต้องการของโรงงานซึ่งเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ


ในอนาคต อาจมีวิธีปรับปรุงการผลิตแก๊สจากเนินขยะให้ได้ผลดียิ่งขึ้น โดยอาศัยการ”เพาะ หว่าน” แบคทีเรียลงไปที่เนินขยะ แบคทีเรียบางสายพันธุ์สามารถสลายขยะได้เร็วกว่าสายพันธุ์อื่นหากผสมแบคทีเรียต่างๆอย่างเหมาะสมลงในเนิน ก็จะทำให้ได้แก๊สปริมาณสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้